ข้อดีของรถบรรทุกติดแก๊ส LNG ดีกว่า CNG อย่างไร หงษ์ทอง เอ็นเนอร์จี้

เปิดข้อดีของ “รถบรรทุกติดแก๊ส LNG” ดีกว่า CNG อย่างไร? 🤔

ในอุตสาหกรรมขนส่ง การใช้พลังงานที่มี ต้นทุนต่ำ ประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง ปัจจุบันติดตั้งระบบก๊าซ LNG (Liquefied Natural Gas) ในรถบรรทุกขนส่งเชิงพาณิยช์ กลายเป็นทางเลือกที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่างที่เหนือกว่า CNG (Compressed Natural Gas) อย่างชัดเจน มาดูกันว่า ข้อดีของรถบรรทุก ติดแก๊ส LNG ดีกว่า CNG อย่างไร?

1. รถที่ใช้เชื้อเพลิง LNG วิ่งได้ระยะทางไกลกว่า 

เนื่องจาก LNG (Liquefied Natural Gas) เป็นแก๊สธรรมชาติที่ถูกทำให้เย็นลงจนอยู่ในสถานะของเหลวที่อุณหภูมิต่ำมาก (-162°C) ทำให้สามารถบรรจุก๊าซได้ในปริมาณที่หนาแน่นกว่า CNG ซึ่งเป็นแก๊สธรรมชาติที่ถูกอัดให้มีความดันสูง (Compressed Natural Gas) ดังนั้น LNG จึงมีความหนาแน่นของพลังงานต่อหน่วยปริมาตรสูงกว่า CNG ถึง 2.4-2.5 เท่า ทำให้รถที่ใช้เชื้อเพลิง LNG สามารถวิ่งได้ไกลกว่า เมื่อเทียบในปริมาณเชื้อเพลิงที่เท่ากัน ซึ่งช่วยลดความถี่ในการเติมเชื้อเพลิง เหมาะกับการใช้งานระยะไกล

รถบรรทุกที่ใช้ CNG – วิ่งได้ประมาณ 300-400 กิโลเมตร ต่อรอบการเติม

รถบรรทุกที่ใช้ LNG – วิ่งได้ถึง 1,200-1,600 กิโลเมตร ต่อรอบการเติม

2. น้ำหนักรถใช้ก๊าซ LNG เบากว่า CNG ช่วยให้บรรทุกสินค้าได้มากขึ้น  

เนื่องจาก รถบรรทุกที่ใช้ก๊าซ LNG ติดตั้งถังก๊าซ ขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 1 ถัง ในขณะที่ รถบรรทุกที่ใช้ก๊าซ CNG ต้องใช้ถังก๊าซขนาด 145 ลิตร จำนวน 8 ถัง ต่อคัน นอกจากนั้น ถัง CNG ต้องรองรับแรงดันสูง 3,000-3,600 psi ทำให้มีน้ำหนักมาก ส่วน LNG ถูกเก็บในสถานะของเหลวที่แรงดันต่ำกว่า ทำให้โครงสร้างถังเบากว่า และเมื่อเปรียบเทียบน้ำหนักโดยรวม พบว่า รถบรรทุกที่ใช้ก๊าซ LNG มีน้ำหนักเบากว่า CNG ถึง 0.5 ตัน 

ดังนั้น การใช้ LNG แทน CNG จะช่วยลดน้ำหนักรวมของตัวรถ ส่งผลให้สามารถบรรทุกสินค้าได้มากขึ้น (ภายใต้ข้อจำกัดที่กฎหมายกำหนด) จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ลดต้นทุนต่อเที่ยว ลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพราะไม่ต้องแบกน้ำหนักถังที่หนักเกินไป และเพิ่มความคุ้มค่าในการดำเนินงาน 

รถบรรทุกที่ใช้ CNG – ติดตั้งถังก๊าซ ขนาด 145 ลิตร จำนวน 8 ถัง ต่อคัน 

รถบรรทุกที่ใช้ LNG – ติดตั้งถังก๊าซ ขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 1 ถัง ต่อคัน 

30 ติดแก๊ส lng รถบรรทุก Isuzu GXZ 360 ทดสอบอัตราสิ้นเปลือง
27 ติดแก๊ส lng รถบรรทุก Isuzu GXZ 360 ทดสอบอัตราสิ้นเปลือง

3. ความเย็นของ LNG ช่วยลดอุณหภูมิเครื่องยนต์ ลดการสึกหรอ

เนื่องจาก หลักการทำงานของระบบ LNG ในรถบรรทุก ระบบจะนำเชื้อเพลิง LNG ในถังก๊าซ ซึ่งอยู่ในสถานะของเหลวที่อุณหภูมิ -162°C เข้ามาผ่านตัว Heat Exchanger เพื่อแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำจากหม้อน้ำ ทำให้ LNG เปลี่ยนสถานะเป็นก๊าซ ก่อนถูกจ่ายเข้าสู่เครื่องยนต์ โดยกระบวนการนี้ ส่งผลให้น้ำหล่อเย็นที่ไหลกลับเข้าสู่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิต่ำลง จึงช่วยให้เครื่องยนต์เย็นขึ้น ลดการสึกหรอ ห้องโดยสารไม่ร้อน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นของ “รถบรรทุก ติดแก๊ส LNG”

ทั้งนี้ จากการทดสอบโดยใช้ เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด พบว่า

✅ น้ำขาเข้า (ก่อนแลกเปลี่ยนความร้อน) มีอุณหภูมิอยู่ที่ 57-58°C

✅ น้ำขาออก (หลังแลกเปลี่ยนความร้อน) อุณหภูมิลดลงเหลือ 47-48°C

ดังนั้น หมายความว่า ระบบ LNG สามารถลดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ได้จริง ช่วยให้ห้องโดยสารเย็นขึ้น และไม่ต้องรอให้เครื่องเย็นก่อนเข้าไปนั่งเหมือน CNG

💡ระบบ Pre-Cooling คืออะไร?💡

ก่อนเติม LNG ลงในถัง จำเป็นต้องทำการ Pre-Cooling โดยปล่อย LNG ปริมาณเล็กน้อย เพื่อลดอุณหภูมิของหัวจ่ายและท่อส่งให้ต่ำลง ป้องกันการเกิดความร้อนสะสมระหว่างเติมก๊าซ ซึ่งกระบวนการนี้ ช่วยให้เติมเชื้อเพลิงเต็มถังได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

5. ติดแก๊ส LNG เติมเชื้อเพลิงเร็วกว่า CNG ประหยัดเวลามากขึ้น

เนื่องจาก CNG อยู่ในสถานะก๊าซที่ต้องอัดแรงดันสูง จึงใช้เวลานานกว่า ในขณะที่ LNG อยู่ในสถานะของเหลว ทำให้สามารถเติมได้รวดเร็ว คล้ายกับการเติมน้ำมันดีเซล

✅ LNG ใช้เวลาเติมเพียง 5-10 นาที

✅ CNG ต้องใช้เวลาเติมประมาณ 15-30 นาที

5. LNG พลังงานทางเลือกที่สะอาด มลพิษต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

LNG เป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาด มีมลพิษต่ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีองค์ประกอบหลักเป็น มีเทน (CH₄) ซึ่งให้การเผาไหม้ที่สะอาดกว่าน้ำมันดีเซลและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับ น้ำมันดีเซล LNG ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) น้อยลง 20-30% และลดการปล่อย ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO₂), ฝุ่น PM2.5 และไนโตรเจนออกไซด์ (NOₓ) อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ช่วยลดมลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ LNG ยังไม่ก่อให้เกิดคราบน้ำมันหรือการปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำ หากเกิดการรั่วไหล เนื่องจากสามารถระเหยกลายเป็นก๊าซได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ LNG เป็นพลังงานที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าพลังงานฟอสซิลแบบเดิม

และหากเทียบกับการใช้ก๊าซ CNG แม้จะเป็นก๊าซธรรมชาติเหมือนกัน แต่อยู่ในรูปแบบหรือสถานะการใช้งานที่แตกต่างกัน ทำให้ LNG มีข้อได้เปรียบมากกว่า (ดังที่กล่าวไปข้างต้น) จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับ รถบรรทุกและการขนส่งระยะไกล  

6. ติดแก๊ส LNG คุ้มค่ากว่า CNG ช่วยประหยัดต้นทุน ค่าพลังงานถูกกว่า ลดค่าใช้จ่ายขนส่ง  

รถบรรทุกที่ติดตั้งก๊าซ LNG มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุน เนื่องจากใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า แม้ค่าติดตั้งระบบ LNG อาจสูงในช่วงแรก แต่ในระยะยาวจะช่วยสร้างความคุ้มค่าและประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากติดตั้งระบบแก๊สและเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้รับรองมาตรฐานสากล จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น อย่างระบบฉีดร่วม DDF ของ Prins ซึ่งได้มีการทดสอบแล้ว พบว่า ช่วยประหยัดไปได้ถึง 22% ทดสอบแล้วในรถบรรทุก ISUZU GXZ 360

(ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)  

💡รถบรรทุก ติดแก๊ส LNG💡
ทางเลือกใหม่ของธุรกิจขนส่ง


🚛 ตอบโจทย์ยุคน้ำมันแพง – ลดการพึ่งพาน้ำมันดีเซล ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง

🌱 รักษาสิ่งแวดล้อม – ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและ PM 2.5
📈 ตลาดเติบโตต่อเนื่อง – ผู้ประกอบการหันมาใช้มากขึ้น พร้อมสถานีเติม LNG ที่ขยายตัว

ติดแก๊ส LNG ระบบฉีดร่วม DDF คืออะไร ดีอย่างไร?

การติดตั้งแก๊ส LNG ระบบ DDF (Diesel Dual Fuel) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงดีเซล โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เข้ามาฉีดร่วมในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ทำให้ระบบนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการขนส่งเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษ ทำให้การเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกติดแก๊ส LNG ในอุตสาหกรรมขนส่ง เป็นอีกโซลูชั่นสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีและพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม     

✅ ลดต้นทุน ประหยัดเชื้อเพลิง – LNG ถูกกว่าดีเซล ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย การสึกหรอต่ำกว่า
✅ เครื่องยนต์สะอาดขึ้น – การเผาไหม้สมบูรณ์มากขึ้น ลดเขม่าควัน มลพิษไอเสีย ฝุ่น PM 2.5
✅ เพิ่มระยะทางวิ่ง – เติมดีเซลน้อยลง ใช้ LNG ช่วยเสริม วิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น

ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ ‘รถบรรทุก LNG ระบบฉีดร่วม DDF’

ประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง: จากการทดสอบพบว่า การใช้ระบบ DDF ช่วยลดการใช้ดีเซลได้ถึง 30-40% ในขณะที่ก๊าซ LNG ซึ่งมีราคาต่ำกว่าดีเซลช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ

ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ: ระบบ DDF ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง แต่ยังช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในระยะยาว เนื่องจากการลดการใช้ดีเซลช่วยลดความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ผันผวน

ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: การใช้ LNG ร่วมกับดีเซลช่วยลดการปล่อย CO และ PM2.5 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ

ชุดแก๊ส Prins DieselBlend 2.0 มาตรฐานคุณภาพระดับโลก

Prins เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านระบบแก๊ส LPG และ LNG ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ระบบของ Prins ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ลดการสึกหรอ และเพิ่มความปลอดภัย 

จุดเด่นของ Prins DieselBlend 2.0

🔰อุปกรณ์แก๊ส เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง มีคุณภาพ มาตรฐานสูง
🔰ช่วยลดต้นทุน ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด 15-25%
🔰ช่วยลดมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจาก LNG คือก๊าซธรรมชาติเหลว คาร์บอนต่ำ อีกหนึ่งพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Energy)
🔰ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์
🔰สามารถติดตั้งได้กับ “รถบรรทุก” ทุกประเภท
🔰ผ่านการทดสอบ รับรองมาตรฐานสากล (ECE R110)

ตัวอย่างส่วนประกอบในระบบ Prins Diesel Blend 2.0

บริการครบ จบที่เดียว!
One Stop Service

ข่าวสารกิจกรรมและบทความ