Prins Telematics เทคโนโลยีสุดล้ำที่ช่วยธุรกิจขนส่ง “ประหยัดเชื้อเพลิง-คำนวณคาร์บอนเครดิต” แม่นยำสูง & เรียลไทม์
ระบบ Telematics ของ Prins สามารถติดตามข้อมูลการใช้พลังงานได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อมต่อระบบ OBD และบันทึกข้อมูลบน Cloud ใช้เซ็นเซอร์และอัลกอริทึมขั้นสูงในการวัดค่าปริมาณเชื้อเพลิง รวมถึงการคำนวณอุณหภูมิ, แรงดันโหลด, แรงดันราง, ระยะเวลาการฉีดเชื้อเพลิง และอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนของนวัตกรรมที่จะทำให้เทคโนโลยีการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง คำนวณคาร์บอนเครดิตรถยนต์ เกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดดครั้งใหญ่ โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา หงษ์ทองได้ร่วมวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้มีความอัจฉริยะมากขึ้นกว่าเดิม และพร้อมที่จะนำมาใช้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการขนส่ง ที่ใช้ระบบ LNG ในรถบรรทุก ให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ระบบ Telematics คืออะไร?
Telematics (เทเลเมติกส์) เป็นการนำเอาเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร (Telecommunication) มาผสมผสานกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เปรียบเสมือน “สมองกล” ที่เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับยานพาหนะแบบเรียลไทม์ ทั้งในรถยนต์ รถบรรทุก หรือแม้แต่เรือ เช่น ตำแหน่งของรถ ความเร็วในการขับขี่ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน และสภาพของรถยนต์ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Telematics
- GPS: ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก
- IoT: อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับอินเทอร์เน็ต
- Big Data: การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก เพื่อค้นหาแนวโน้มและรูปแบบต่างๆ
- Cloud Computing: การจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ เพื่อเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา
Prins Telematics แม่นยำ 99.99% พิสูจน์แล้ว!
จุดเด่นของ Prins Telematics คือ ความแม่นยำระดับสูงในการวัดและวิเคราะห์การใช้เชื้อเพลิงแบบเรียลไทม์ โดยระบบสามารถตรวจจับปริมาณการใช้เชื้อเพลิงได้โดยมีหน่วยเป็นกรัม พร้อมคำนวณคาร์บอนเครดิตได้อย่างละเอียด ด้วยอัลกอริธึมอัจฉริยะที่รวมข้อมูลต่าง ๆ อาทิ อุณหภูมิ แรงดันโหลด แรงดันราง และการฉีดเชื้อเพลิงแบบมิลลิวินาที ทำให้ผู้ใช้งานสามารถบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการเดินทาง และเพิ่มความคุ้มค่าของพลังงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือก๊าซ LNG/CNG อีกทั้งระบบยังสามารถซิงค์ข้อมูลกับคลาวด์ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์เชิงลึกและนำไปใช้ปรับปรุงสมรรถนะรถยนต์ได้แบบเรียลไทม์
ความแตกต่างของระบบ Prins Telematics กับทั่วไป คือ ใช้เทคโนโลยี Flow Meter และเซ็นเซอร์ขั้นสูงที่มีความแม่นยำสูงกว่า OBD II หรือ GPS Tracking แบบทั่วไป ที่อาจมีค่าความคลาดเคลื่อนสูง นอกจากนั้น ระบบนี้ยังสามารถตรวจจับข้อมูลจริงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการคำนวณจาก ECU ของรถยนต์เพียงอย่างเดียว ทำให้สามารถวิเคราะห์อัตราการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างถูกต้องแม่นยำ รวมถึงช่วยธุรกิจขนส่งลดการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็น และเพิ่มโอกาสในการขอรับคาร์บอนเครดิตได้อย่างเป็นระบบและน่าเชื่อถือมากขึ้น

โดยเรามีการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้จริงกับค่าที่อ่านได้จากระบบ Prins Telematics ด้วยการเติมน้ำมันลงถังที่ชั่งน้ำหนักไว้ล่วงหน้า แล้วให้รถทดลองวิ่งในระยะทางที่กำหนด จากนั้นคำนวณปริมาณน้ำมันที่ใช้จากการชั่งน้ำหนักก่อนและหลัง เทียบกับค่าในระบบ และวัดผลจากน้ำหนักจริงแทนการใช้หน่วยลิตร เนื่องจากค่าความหนาแน่นของน้ำมันและอุณหภูมิอาจส่งผลต่อความคาดเคลื่อน พบว่า
– รอบแรก: ค่ามีความคลาดเคลื่อน ≈1.7%
– รอบสอง: ค่ามีความคลาดเคลื่อน ลดลงเหลือ ≈1%
– รอบสาม: ได้ค่าที่แม่นยำตรงกับ Telematics ถึงสองตำแหน่งทศนิยม
ข้อดีของระบบ Prins Telematics เทคโนโลยีเปลี่ยนเกม
✅ เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีความแม่นยำสูง
✅ ช่วยให้การคำนวณคาร์บอนเครดิต ทำได้ง่ายขึ้น
✅ ช่วยให้การปรับจูนระบบเชื้อเพลิง สะดวกและง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้ Dyno Test (เครื่องทดสอบแรงม้า)
✅ วัดค่าการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเติมน้ำมันกลับเต็ม
✅ ช่วยให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุน และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
ติดแก๊ส รถบรรทุก LNG หงษ์ทองเอ็นเนอร์จี้
โปรโมชั่น ส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท/คัน
* จำกัดเพียง 50 คัน เท่านั้น หมดเขต 28 ก.พ. 2568 *
ติดต่อทีมงาน เพื่อแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม
Telematics ทำอะไรได้บ้าง?
- ติดตามตำแหน่ง: รู้ตำแหน่งของยานพาหนะได้ตลอดเวลาผ่านแผนที่
- วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่: ตรวจสอบความเร็ว การเร่ง การเบรก และพฤติกรรมอื่นๆ เพื่อปรับปรุงการขับขี่ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ลดต้นทุน: ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ลดค่าบำรุงรักษา และวางแผนเส้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มความปลอดภัย: แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น รถเสีย ยางแตก หรือมีการบุกรุก
- บริหารจัดการฟลีท: เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีรถหลายคัน ช่วยให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้น
- คำนวณคาร์บอนเครดิต: สามารถนำข้อมูลปริมาณการใช้เชื้อเพลิงมาคำนวณคาร์บอนเครดิตได้อย่างแม่นยำ
ตัวอย่างของการนำระบบ Telematics มาใช้?
ในอุตสาหกรรมขนส่ง:
- บริษัทขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ใช้ระบบ Telematics เพื่อติดตามพิกัดรถบรรทุก ตรวจสอบความเร็วในการขับขี่ และวางแผนเส้นทางการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- บริษัทให้บริการรถแท็กซี่หรือรถโดยสารสาธารณะใช้ระบบ Telematics เพื่อติดตามตำแหน่งรถเรียกรถ และจัดสรรรถให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
ในอุตสาหกรรมยานยนต์:
- รถยนต์สมัยใหม่หลายรุ่นมาพร้อมกับระบบ Telematics ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อรถยนต์กับสมาร์ทโฟน เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ เช่น ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพของรถยนต์ และการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ในภาคธุรกิจ:
- บริษัทต่างๆ ใช้ระบบ Telematics เพื่อติดตามพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานที่ใช้รถยนต์ของบริษัท ลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและค่าซ่อมบำรุง และใช้ในการคำนวณคาร์บอนเครดิต
คำถามพบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Telematics
- เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการฝูงรถ: ติดตามตำแหน่งรถ วางแผนเส้นทาง ลดระยะทางที่สูญเปล่า
- ลดต้นทุน: ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
- เพิ่มความปลอดภัย: ติดตามพฤติกรรมการขับขี่ ตรวจจับความผิดปกติของรถยนต์
- เพิ่มความสะดวก: เข้าถึงข้อมูลของรถยนต์ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์
- คำนวณคาร์บอนเครดิต: ช่วยให้ธุรกิจสามารถคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างแม่นยำ
โดยทั่วไประบบ Telematics จะประกอบด้วยอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถ เชื่อมต่อกับเครือข่ายสัญญาณ และส่งข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ เพื่อทำการวิเคราะห์และแสดงผลผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้
ระบบ Telematics มีศักยภาพในการช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงในภาพรวมได้ราว ๆ 5-10% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดของฝูงรถ พฤติกรรมการขับขี่เดิม และประสิทธิภาพของระบบเทเลเมติกส์ที่นำมาใช้) ช่วยให้ผู้ประกอบการในภาคขนส่งที่ใช้รถบรรทุกจำนวนมาก สามารถติดตามปริมาณการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างแม่นยำมากขึ้น สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์สำหรับการคำนวณคาร์บอนเครดิต
คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) เป็นเหมือนใบอนุญาตให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในปริมาณที่กำหนด โดยได้มาจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การปลูกป่า หรือใช้พลังงานสะอาด หน่วยงานหรือบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด สามารถซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชยได้ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตในตลาดโลก
การซื้อขายคาร์บอนเครดิตเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก และช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจหันมาลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรอีกด้วย