เกี่ยวกับเรา (About Us)

บริษัท หงษ์ทอง เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (Hongtong Energy Co.,Ltd.) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ LNG ครบวงจร ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2567 ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่เล็งเห็นถึง ความสำคัญและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการใช้เชื้อเพลิง LNG (Liquefied Natural Gas) หรือ ก๊าซธรรมชาติเหลว ในภาคการขนส่งไทย โดยเฉพาะในกลุ่มรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ ที่ใช้น้ำมันดีเซล, CNG รวมกว่า 1.2-1.4 ล้านคัน คิดป็นสัดส่วนกว่า 80% ในตลาด ขณะเดียวกันมีรถบรรทุก CNG ประมาณ 30,000 คัน ที่ถังก๊าซกำลังจะครบอายุการใช้งานตามกฎหมาย สามารถเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิง LNG ได้ ตลอดจนนโยบายภาครัฐ เทรนด์การใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ปัญหามลพิษ/ฝุ่น PM 2.5 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ  

โดยเรานำจุดแข็งของ “บริษัท หงษ์ทอง ออโต้แก๊ส จำกัด” หนึ่งในผู้นำด้านการติดตั้งแก๊สรถยนต์ชั้นนำของไทย ที่มีการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการติดตั้งและการปรับจูนระบบแก๊ส LPG สำหรับเครื่องยนต์ Direct Injection (ระบบฉีดตรง) ร่วมกับต่างประเทศ สำเร็จเป็นเจ้าแรกในปี 2015 และเป็นผู้นำเข้าชุดอุปกรณ์แก๊ส แบรนด์ต่าง ๆ ที่ได้รับรองมาตรฐานสากล ผสานกับจุดแข็งของ “บริษัท ออนฟิวเจอร์ เอ็นเนอร์จี้” ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ LNG ที่มีประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษา สร้างสถานีจำหน่ายก๊าซ LNG แห่งแรกของไทย, ดัดแปลงและซ่อมบำรุง รถบรรทุกใช้ก๊าซ LNG อีกทั้งยังมีบุคลากร วิศวกร และช่างเทคนิคชำนาญงานจำนวนมาก

ทำให้ “หงษ์ทองเอ็นเนอร์จี้” มีศักยภาพในการนำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบันเรามีพันธมิตร คู่ค้า ซัพพลายเออร์ และศูนย์บริการต่าง ๆ ที่ร่วมกันผลักดันระบบนิเวศการใช้เชื้อเพลิง LNG ในภาคขนส่งเชิงพาณิชย์ ทั้งในและต่างประเทศ จึงสามารถจัดหาและจำหน่าย ชุดอุปกรณ์และถังก๊าซ (LNG Convertion) พร้อมกับให้บริการติดตั้ง ทดสอบ ปรับจูน ตรวจสภาพ ซ่อมบำรุง จดทะเบียนรถใช้ก๊าซ LNG ได้แบบครบวงจร ช่วยลดต้นทุนและตอบโจทย์ “มากที่สุด” สำหรับผู้ประกอบการขนส่งไทย

ทีมผู้บริหาร

ภาพรวมธุรกิจ
BUSSINESS OVERVIEW

hte_bussiness_overview

ผู้นำธุรกิจ LNG ครบวงจร 

  • สถานีให้บริการ LNG  (ปั๊มก๊าซ LNG Filling Station)
  • จัดหาและจำหน่ายชุดอุปกรณ์ติดตั้ง ถังก๊าซ และอะไหล่ สำหรับรถบรรทุกใช้ก๊าซ LNG (Cylinder, ECU, KIT & Accessories)
  • บริการจดทะเบียนรถใช้ก๊าซ LNG กับกรมการขนส่งทางบก (Registration LNG Truck)
  • พาร์ทเนอร์ศูนย์บริการติดตั้งและซ่อมบำรุง LNG (Installation & Service)
  • ศูนย์ฝึกอบรมการติดตั้งและทดสอบรถใช้ก๊าซ LNG ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน (LNG Training Center)
  • บริการด้านสินเชื่อ สำหรับผู้ประกอบการ, ผู้ใช้รถบรรทุก ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิง LNG (LNG Finance Service)

วิสัยทัศน์ พันธกิจ

  • เป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานทางเลือก LNG แบบครบวงจร ครอบคลุมจุดยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ เพื่อความยั่งยืนของ SMEs ไทย
  • เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มธุรกิจ LNG และพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับพันธมิตร
  • ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการ ที่ต้องการลดต้นทุน เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลแพงขึ้น และอุปกรณ์แก๊ส CNG ครบกำหนดอายุการใช้งาน

เป้าหมายของเรา

  • ดัดแปลงรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ใช้ก๊าซ LNG จำนวน 20,000 คัน ภายในปี 2569
  • มีทีมงาน วิศวกร ช่างเทคนิค ที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญด้าน LNG จำนวนมากที่สุดในประเทศ
  • มีพาร์เนอร์และพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง “ครบทุกมิติ” สนับสนุนด้านเทคโนโลยีและซัพพลายเออร์ ทั้งในและต่างประเทศ
  • เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Newgarage ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อผู้ประกอบการยานยนต์ไทย ที่มีระบบบริหารจัดการข้อมูลและทรัพยากร จัดการองค์กร จัดการสินค้า จัดการด้านการตลาดออนไลน์และการชำระเงิน “ครบวงจร”
  • พัฒนาและเชื่อมต่อระบบของผู้ประกอบการ เพื่อตอบสนองนโยบายของภาครัฐ Thaialand National Carbon Neutrality ในด้านคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit)

กลุ่มตลาดและลูกค้า

  1. กลุ่มผู้ประกอบการ ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ภายในประเทศ (Major domestic Logistic)
  2. ผู้ประกอบการ ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ (International fleet)
  3. กลุ่มผู้ผลิตรถบรรทุก พร้อมเทคโนโลยี LNG (OEM Truck with LNG Technology)
  4. กลุ่มบริษัท องค์กรเอกชน ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่มีส่วนงานด้านการขนส่งขนาดใหญ่
  5. กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย, วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

ทั้งนี้ เชื้อเพลิง LNG ถือเป็นอีกหนึ่ง “พลังงานทางเลือกแห่งอนาคต” ที่สามารถใช้ทดแทนน้ำมันและก๊าซ CNG ได้ และเป็นพลังงานสะอาด ทำให้เครื่องยนต์เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ ช่วยลดการปล่อยมลพิษ (CO2) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  

นอกจากนั้น รถบรรทุกที่เปลี่ยนมาใช้ LNG จะใช้เวลาในการเติมก๊าซเต็มถังเพียง 10-15 นาที สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 1,000-1,400 กม. (กทม.-เชียงใหม่ 900 กม.) และจากการทดสอบพบว่ามีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิง 20-30% จึงช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการได้มากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งเจ้าของกิจการและผู้ใช้รถบรรทุกเชิงพาณิชย์ในการขนส่งสินค้า

ข่าวสารกิจกรรมและบทความ