คำถามพบ่อย (FAQ)
เกี่ยวกับรถบรรทุก LNG หงษ์ทองเอ็นเนอร์จี้ ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมข้อเสนอพิเศษ
💡LNG คืออะไร ต่างจาก CNG อย่างไร?
LNG คือ ก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas) เป็นก๊าซธรรมชาติที่ถูกเปลี่ยนสถานะให้เป็นของเหลว ด้วยอุณภูมิ ติดลบ 160-162 °C ทำให้ปริมาณลดลงถึง 600 เท่า เพื่อความสะดวกในการขนส่งและจัดเก็บ ขณะที่ CNG คือ ก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed Natural Gas) แม้ว่าเชื้อเพลิงทั้ง 2 ชนิดจะเป็นก๊าซธรรมชาติเหมือนกัน แต่มีคุณสมบัติบางประการและอยู่ในรูปแบบสถานะการใช้งานที่แตกต่างกัน
คุณสมบัติของ LNG เป็นพลังงานสะอาด มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ คาร์บอนต่ำ จึงปล่อยมลพิษน้อย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังเบากว่าอากาศ เมื่อเกิดการรั่วไหลจะลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ โอกาสติดไฟค่อนข้างยาก (ต้องมีอุณหภูมิถึง 645 °C) จึงมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
ปัจจุบันเชื้อเพลิง LNG เป็นพลังงานทางเลือกที่ถูกนำมาใช้งานทั่วโลก และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีการใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่ง เช่น เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า, เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสากรรม, เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถบรรทุกใช้งานเชิงพาณิชย์ เป็นต้น
(ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)
💡เปรียบเทียบ รถบรรทุก LNG กับ CNG
ติดตั้งระบบก๊าซ LNG (Liquefied Natural Gas) ในรถบรรทุกขนส่งเชิงพาณิยช์ กลายเป็นทางเลือกที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่างที่เหนือกว่า CNG (Compressed Natural Gas) อย่างชัดเจน อาทิ
รถบรรทุก LNG วิ่งได้ไกลกว่า CNG
❌ รถบรรทุก CNG – วิ่งได้ประมาณ 300-400 กิโลเมตร ต่อรอบการเติม
✅ รถบรรทุก LNG – หากใช้ระบบฉีดร่วมดีเซล วิ่งได้ประมาณ 1,200-1,600 กิโลเมตร ต่อรอบการเติม แต่หากใช้ LNG 100% จะวิ่งได้ไกลขึ้นเป็น 2 เท่า หรือราว ๆ 2,400-2,800 กม.
❌ รถบรรทุก CNG – ติดตั้งถังก๊าซ ขนาด 145 ลิตร จำนวน 8 ถัง ต่อคัน
✅ รถบรรทุก LNG – ติดตั้งถังก๊าซ ขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 1 ถัง ต่อคัน
❌ รถบรรทุก CNG – ใช้เวลาเติมประมาณ 15-30 นาที
✅ รถบรรทุก LNG – ใช้เวลาเติมเพียง 5-10 นาที
❌ รถบรรทุก CNG – อุณหภูมิเครื่องยนต์และภายในห้องโดยสารสูงกว่า
✅ รถบรรทุก LNG – ความเย็นของ LNG ช่วยลดอุณหภูมิเครื่องยนต์ (การสึกหรอต่ำกว่า) และภายในห้องโดยสาร
LNG ถือเป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาด มลพิษต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับ รถบรรทุกและการขนส่งระยะไกล เนื่องจากมีองค์ประกอบหลักเป็น มีเทน (CH₄) ซึ่งให้การเผาไหม้ที่สะอาดกว่าน้ำมันดีเซลและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับ น้ำมันดีเซล LNG ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) น้อยลง 20-30% และลดการปล่อย ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO₂), ฝุ่น PM2.5 และไนโตรเจนออกไซด์ (NOₓ) อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ช่วยลดมลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ และไม่ก่อให้เกิดคราบน้ำมัน หรือ การปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำหากเกิดการรั่วไหล เนื่องจากสามารถระเหยกลายเป็นก๊าซได้อย่างรวดเร็ว
อีกจุดเด่นสำคัญ คือ รถบรรทุกที่ติดตั้งก๊าซ LNG มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุน เนื่องจากใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า แม้ค่าติดตั้งระบบ LNG อาจสูงในช่วงแรก แต่ในระยะยาวจะช่วยสร้างความคุ้มค่าและประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากติดตั้งระบบแก๊สและเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้รับรองมาตรฐานสากล จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น อย่างระบบฉีดร่วม DDF ของ Prins ซึ่งได้มีการทดสอบแล้ว พบว่า ช่วยประหยัดไปได้ถึง 22% ทดสอบแล้วในรถบรรทุก ISUZU GXZ 360
(ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)
💡เติมก๊าซ LNG ได้ที่ไหน?
ปัจจุบันมีปั๊ม LNG ให้บริการแห่งแรกที่ ‘มาบเอียง’ ของบริษัท btsg ซึ่งเราคาดว่าจะมีผู้ให้บริการเปิดสถานีเพิ่มขึ้นเป็น 6 ปั๊มภายในช่วงกลางปีนี้ และขยายเป็น 10-12 ปั๊มภายในปี 2568 ครอบคลุมเส้นทางขนส่งทั่วประเทศ อาทิ ศรีราชา อาบเอียง แหลมฉบัง หมดห่วงเรื่องการเติมก๊าซ
💡เติม LNG 1 ถัง วิ่งได้ระยะทางกี่กม.?
ระบบเชื้อเพลิงเดี่ยว (Dedicated System): เปลี่ยน CNG เป็น LNG 100% 👉 ระยะทางที่วิ่งได้ เฉลี่ยประมาณ 1,200-1,400 กม.
ระบบฉีดร่วม DDF (Diesel Dual Fuel): ใช้เชื้อเพลิง ‘ดีเซล + LNG’ 👉 ระยะทางที่วิ่งได้ เฉลี่ยประมาณ 2,400-2,800 กม.
(ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)
💡มาตรฐานอุปกรณ์, เทคโนโลยี LNG, การสึกหรอของเครื่องยนต์?
หงษ์ทอง เอ็นเนอร์จี้ เรามีประสบการณ์กว่า 17 ปี ในวงการรถติดตั้งแก๊ส มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่เราใช้ติดตั้ง ล้วนเป็นเกรดคุณภาพสูง เทคโนโลยีล้ำสมัย ได้มาตรฐานสากล (ECER) และเหมาะกับการใช้งานในประเทศไทย โดยเฉพาะระบบฉีดร่วม (DDF) ซึ่งเราใช้เป็นชุดอุปกรณ์ของ Prins แบรนด์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ แน่นอนว่าสิ่งที่คุณจะได้คือประสิทธิภาพการใช้งานที่ “คุ้มค่า” การสึกหรอต่ำ ลดต้นทุน ประหยัดเชื้อเพลิง และช่วยลดมลพิษในภาคขนส่ง (ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)
💡ข้อดีของรถบรรทุก LNG ?
✅ ช่วยลดต้นทุน 15-25%
✅ ประหยัดกว่า ดีเซล/CNG 1-3 บาท/กม.
✅ วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 1,400 กม.
✅ อัตราเร่งดี ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์
✅ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษ
✅ ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ ด้านคาร์บอนเครดิต
✅ CNG กำลังถูกยกเลิก และสถานีเติม LNG กำลังขยายตัวต่อเนื่อง
✅ ค่าติดตั้งคุ้มกว่า คืนทุนภายใน 1.5-2 ปี
(ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)
💡รถบรรทุก LNG ประหยัดเท่าไหร่?
รถบรรทุกติดตั้ง LNG ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ลดต้นทุนขนส่ง คืนทุนเร็ว ซึ่งจากการทดสอบอัตราสิ้นเปลือง พบว่า การเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ LNG ในรถบรรทุกขนส่ง ช่วยประหยัดได้ 15-25% หรือประมาณ 1-3 บาท/กม. (แล้วแต่รุ่นรถ ระบบที่ติดตั้ง และสภาวะการขับขี่) (ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)
💡ติดตั้ง LNG ราคา เท่าไหร่?
ราคาในการติดตั้ง แบ่งเป็น 2 ระบบ ดังนี้
1.) ระบบเชื้อเพลิงเดี่ยว (Dedicated System) ใช้ LNG 100% 👉 ค่าใช้จ่ายประมาณ 3-3.5 แสนบาท
2.) ระบบฉีดร่วม DDF (Diesel Dual Fuel) ดีเซล + LNG 👉 ค่าใช้จ่ายประมาณ 4-5 แสนบาท
ปัจจุบันเรามีส่วนลด 100,000 บาทต่อคัน (จำกัด 50 คัน) รวมถึงการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน ที่ยินดีให้บริการด้านสินเชื่อ/ไฟแนนซ์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการขนส่ง ที่ต้องการเปลี่ยนรถบรรทุก ดีเซล/CNG มาเป็น LNG หลากหลายรูปแบบ
ติดต่อสอบได้ที่ : บริษัท หงษ์ทอง เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (Line: @htlng) เรามีทีมงานพร้อมให้คำปรึกษา (ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)
💡จุดคุ้มทุนในการติดตั้ง LNG?
ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ LNG เช่น ส่วนลดค่าติดตั้ง/แปลงระบบ, วงเงินสินเชื่อ/ไฟแนนซ์ เป็นต้น
ทำให้ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งถูกลง โดยถ้าเป็นการเปลี่ยน CNG เป็น LNG 100% จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสนบาทต่อคัน ขณะที่ระบบฉีดร่วม ดีเซล+lng จะมีการติดตั้งอุปกรณ์และถังเพิ่มเติม ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนรถบรรทุกมาใช้ก๊าซ LNG ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะนอกจากช่วยลดต้นทุนการขนส่งแล้ว ความเย็นของ LNG บวกกับเทคโนโลยีของอุปกรณ์ติดตั้งและการปรับจูนที่ดี ยังช่วยให้เครื่องยนต์มีการสึกหรอต่ำ อัตราเร่งดี ประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ซึ่งโดยรวมแล้วสามารถคืนทุนได้ใน 18-24 เดือน (แล้วแต่รุ่นรถและการใช้งาน) (ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)
💡แนวโน้มการใช้ LNG เชื้อเพลิงหลักของภาคขนส่ง?
LNG (Liquefied Natural Gas หรือ ก๊าซธรรมชาติเหลว) ถือเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงหลักที่ได้รับการสนับสนุนจากแผนพัฒนาประเทศในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
.
💡ข้อดีของการใช้เชื้อเพลิง LNG
✔️ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปล่อยมลพิษน้อยกว่า ดีเซล
✔️ เชื้อเพลิงสะอาด ให้ค่าพลังงานสูง ใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน
✔️ ราคามีแนวโน้มถูกลง
✔️ ความต้องการใช้งาน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
✔️ มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จำนวนสถานี LNG กำลังเพิ่มขึ้น
✔️ ส่งเสริมการทำ “คาร์บอนเครดิต” ของหลายองค์กร
✔️ ส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
✔️ ช่วยลดต้นทุน ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
✔️ นโยบายภาครัฐ ส่งเสริมการใช้ LNG ในภาคขนส่ง ลดมลพิษทางอากาศ
(ดูเพิ่มเติม: เปรียบเทียบระบบการติดตั้ง, ระยะเวลาคืนทุน คลิก)