หงษ์ทองเอ็นเนอร์จี้ "LNG เชื้อเพลิงรอยต่อคาร์บอนต่ำในงานขนส่งเชิงพาณิชย์"

หงษ์ทองเอ็นเนอร์จี้ ร่วมเสวนาหัวข้อ
“LNG เชื้อเพลิงรอยต่อคาร์บอนต่ำในงานขนส่งเชิงพาณิชย์”

คุณสุรพงษ์ เข็มมุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) บริษัท หงษ์ทองเอ็นเนอร์จี้ จำกัด ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาหัวข้อ “LNG เชื้อเพลิงรอยต่อคาร์บอนต่ําในงานขนส่งเชิงพาณิชย์” (LNG Utilization and Transition to Sustainability Logistic in Thailand)

โดยให้ความรู้เกี่ยวกับ คุณสมบัติ ข้อดี-ข้อเสีย มาตรฐาน และความปลอดภัยของการใช้เชื้อเพลิงแต่ละประเภท โดยเฉพาะก๊าซ LNG (Liquefied Natural Gas) หรือ ก๊าซธรรมชาติเหลว อีกพลังงานทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงสะอาด มลพิษต่ำ ให้ค่าพลังงานสูง (อ่านเพิ่มเติม : LNG คืออะไร?) ประหยัดกว่าการใช้ CNG ประมาณ 10-15%, ดีเซล ประมาณ 20-30% จึงเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการในแง่ของการลดต้นทุน ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่งได้เป็นอย่างดี ตลอดจอัพเดทแนวโน้มราคา และเทรนด์การเติบโตของการใช้ LNG ในอนาคต

“LNG เป็นเชื้อเพลิงที่มีค่าพลังงานความร้อนสูงที่สุดในเชื้อเพลิงด้วยกัน ผู้ประกอบการที่ใช้รถ LNG ตอนนี้ถือว่ามีราคาต่อกิโลเมตรถูกที่สุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอื่น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซล หรือก๊าซ CNG อีกทั้งการใช้เชื้อเพลิง LNG ยังสามารถช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ เพราะว่า LNG เป็นก๊าซที่อุณหภูมิติดลบ โดยในกระบวนทำงานจะมีการแลกเปลี่ยนอุณหภูมิกับน้ำที่เข้าเครื่องยนต์ กลับไปทําให้เครื่องยนต์มีอุณหภูมิที่ลดต่ําลง ทําให้ชิ้นส่วนหรือสแปร์พาร์ทต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่องยนต์เย็นลง จึงลดการสึกหรอ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

นอจกากนั้น การเติม LNG 1 ถัง สามารถวิ่งได้ไกลถึงประมาณ 1,200-1,600 กม. ถ้าเปรียบเทียบกับ CNG จะวิ่งได้อยู่ที่ประมาณ 400-500 กม. ทําให้อัตราล้อหมุนของผู้ประกอบการไปได้ไกลขึ้น และการเติมก๊าซ LNG 1 ครั้งใช้เวลาแค่ 10 นาที (เทียบกับ CNG ใช้เวลา 10-20 นาที, รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใช้เวลา 1-2 ชม.) ทำให้ผู้ประกอบการสามารถประหยัดได้ทั้งต้นทุนและเวลาได้มากขึ้น

อีกส่วนหนึ่งถ้าเทียบกับรถที่ใช้น้ำมันดีเซล LNG สามารถลดปริมาณการปล่อย CO2 ได้มากกว่า ซึ่งผู้ปะกอบการสามารถเอามาใช้ในการคํานวณคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ได้ด้วย ดังนั้น LNG จึงถือเป็นเชื้อเพลิงรอยต่อที่สำคัญ เป็นพลังงานสีเขียวและพลังงานทางเลือกที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบัน สำหรับภาคการขนส่งเชิงพาณิชย์ เพราะทั้งประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลา เติมเร็วกว่า วิ่งได้ไกลกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า” คุณสุรพงษ์ กล่าว

สําหรับการเสวนาครั้งนี้ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการสาขาวิศวกรรมยานยนต์ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567